วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สมาชิกกลุ่ม


  1. นายรัชพล ปิยะมาน                 ม.4/3  เลขที่ 1 
  2. นายกานต์ ปุงคานนท์              ม.4/3  เลขที่ 3
  3. นายเกษมสันต์ ลือรุ่งรัตน์วุฒิ   ม.4/3  เลขที่ 4
  4. นายดนุพงษ์ ป้องทัพไทย        ม.4/3  เลขที่ 9
  5. นายภาสวิชญ์  มิ่งวงศ์              ม.4/3  เลขที่ 13

ภาระงาน


ข้อมูลประเทศบรูไน ดารุสซาลาม
1. ข้อมูลทั่วไป                                                                            กานต์          ปุงคานนท์      เลขที่ 3
2. ลักษณะทางภูมิศาสตร์                                                           กานต์          ปุงคานนท์      เลขที่ 3
3. ประวัติศาสตร์                                                                         กานต์          ปุงคานนท์      เลขที่ 3
4. ลักษณะประชากร                                                                   รัชพล          ปิยะมาน         เลขที่ 1
5. ข้อมูลเศรษฐกิจ                                                                      รัชพล          ปิยะมาน         เลขที่ 1
6. ข้อมูลการเมืองการปกครอง                                                    รัชพล          ปิยะมาน         เลขที่ 1
7. ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม                                           ภาสวิชญ์      มิ่งวงศ์           เลขที่ 13
8. โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค                            ภาสวิชญ์      มิ่งวงศ์           เลขที่ 13
9. ระบบสาธารณสุข                                                                   ดนุพงษ์        ป้องทัพไทย  เลขที่ 9
10. ระบบการศึกษา                                                                    ดนุพงษ์       ป้องทัพไทย  เลขที่ 9
11. ระบบกฎหมาย                                                                      เกษมสันต์   ลือรุ่งรัตน์วุฒิ  เลขที่ 4
12. ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศบรูไน ดารุสซาลาม     เกษมสันต์   ลือรุ่งรัตน์วุฒิ  เลขที่ 4

ข้อมูลทั่วไป ประเทศบรูไน

ข้อมูลทั่วไป



ชื่อทางการ เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam) หรือ บรูไน (Brunei)

ที่ตั้ง : ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว
- พื้นที่
     5,770 ตารางกิโลเมตร (พื้นดิน 5,270 ตารางกิโลเมตร พื้นน้ำ 500 ตารางกิโลเมตร)
- อาณาเขต
     พรมแดนติดมาเลเซีย 381 กิโลเมตร ความยาวชายฝั่งทะเล 161 กิโลเมตร
- สภาพภูมิประเทศ
     ที่ราบชายฝั่งค่อยๆ ชันขึ้นเป็นภูเขาทางฝั่งตะวันออก ทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาต่ำๆ
- สภาพภูมิอากาศ
     อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส
- ทรัพยากรธรรมชาติ
     ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ไม้ซุง
- ภัยธรรมชาติ
     พายุไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว และบางครั้งจะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง
- จำนวนประชากร
      422,675 คน (ค่าประมาณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557)
- อัตราการเติบโตของประชากร
      1.65 % (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)
- สัญชาติ
      บรูไน (Bruneian (s))
- เชื้อชาติ
      มาเลย์ 65.7% จีน 10.3% ชนเผ่าพื้นเมือง 3.4% อื่นๆ 20.6% (พ.ศ. 2554)
- ศาสนา
      ศาสนาประจำชาติคือ อิสลาม 78.8% พุทธ 7.8% คริสต์ 8.7% อื่นๆ (ความเชื่อของคนพื้นเมือง) 4.7% (พ.ศ. 2554)
- ภาษา
ภาษาราชการคือ ภาษามาเลย์ ภาษาอื่นๆ ได้แก่ อังกฤษและภาษาจีน







ลักษณะทางภูมิศาสตร์

ลักษณะทางภูมิศาสตร์



     
 ขนาดพื้นที่และอาณาเขตติดต่อ
   - ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว ในทะเลจีนใต้
   - ทางทิศเหนือและตะวันตก เฉียงเหนือติดทะเลจีนใต้

ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์
            บรูไนมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 มีหลักฐาน ปัจจุบันเป็นอาณาจักรโปนิในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงคริสต์ ศตวรรษที่ 16 โดยบรูไนเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญบนเกาะบอร์เนียว อยู่บนเส้นทางการค้าจากประเทศจีนผ่านโมลุกกะหรือหมู่เกาะเครื่องเทศ ไปสู่ประเทศตะวันตก สินค้าส่งออกที่สำคัญในสมัยนั้น ได้แก่การบูร พริกไทย และทองคำ
            หลังจากนั้นบรูไนเสียดินแดนและเสื่อมอำนาจลง เนื่องจากสเปนและ ฮอลันดาได้แผ่อำนาจเข้ามา บรูไนได้ยินยอม เป็นรัฐในอารักขาของประเทศอังกฤษและลงนามในสนธิสัญญายินยอมเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษอย่างเต็ม รูปแบบในปีพ.ศ. 2472


             ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของบรูไนเริ่มจากการสำรวจแหล่งนำ้มันและ ก๊าซธรรมชาติในปีพ.ศ.2472 ทรัพยากรธรรมชาตินี้ได้เปลี่ยนเศรษฐกิจ ของประเทศจากการค้าพริกไทยและการบูรมาเป็นประเทศผู้ค้าน้ำมัน ปิโตรเลียม แม้จะประสบปัญหาการค้าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ เมื่อสงครามยุติเศรษฐกิจก็กลับฟื้นคืนมาได้

ลักษณะประชากร


ลักษณะประชากร


                ประเทศบรูไนมีประชากร 415,717คน อัตราการเพิ่มของประชากร ร้อยละ 3.5 ต่อปีชนพื้นเมืองในประเทศบรูไน 7 ชนเผ่า ประกอบด้วย เผ่ามลายูบรูไน ดูซุน เบอไลต์ตูตง บีซายา มูรุต และเกอดายัน แต่เพื่อ ความเป็นเอกภาพในด้านการเมืองการปกครองโดยภาพรวมทั้ง 7 ชนเผ่า ใช้ชื่อเรียกว่า มลายูหรือมาเลย์ ศาสนาประจำชาติของบรูไน คือ ศาสนาอิสลาม






เศรษฐกิจ

ข้อมูลเศรษฐกิจ

     - เศรษฐกิจโดยรวมของบรูไนเกิดจากอุตสาหกรรม ที่ทำรายได้มาก
           - น้ำมันปิโตรเลียม
           - ก๊าซธรรมชาติ
           - ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ
     - โดยการจัดตั้งกระทรวงพลังงานขึ้นใหม่
     - สินค้าส่งออก บรูไนจัดอยู่ในประเทศที่ร่ำรวยเป็นผู้ส่งออกนำ้มันติด อันดับ 3 ของโลก สินค้าส่งออก             - น้ำมันดิบ
            - ปิโตรเลียม
            - ก๊าซธรรมชาติเมทิลแอลกอฮอล์
     - ด้านการค้ากับไทย
          -  นำเข้าจากไทย
                - ข้าว
                - น้ำตาล
                - หม้อแปลงไฟฟ้าและ
                - ส่วนประกอบ ปูนซีเมนต์
                - ผลิตภัณฑ์เซรามิกผลิตภัณฑ์ยางกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ                          
           - สินค้านำเข้าจากบรูไน ได้แก่
                - น้ำมันดิบ
                - สินค้าเหล็ก
                - เหล็กกล้า
                - ผลิตภัณฑ์
     












ข้อมูลการปกครอง

ข้อมูลการเมืองการปกครอง
     
           ประเทศบรูไนในอดีตเป็นเพียงแค่รัฐเล็กๆ ที่มีอิสระในการปกครอง ตนเองแต่เพื่อความอยู่รอด บรูไนต้องยอมอยู่ใต้การอารักขาของอังกฤษ จนสามารถสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
 ปัจจุบันประเทศบรูไนยังคงเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งเป็นประเทศเดียวในประชาคมอาเซียนที่ ปกครองด้วยระบบสุลต่าน โดยองค์สุลต่าน  จะมีอำนาจเด็ด ขาดเพียงผู้เดียว มีฐานะเป็นสมเด็จพระราชาธิบด  และเป็นประมุขสูงสุดของประเทศ
        การปกครองของประเทศบรูไนเป็นการปกครองในรูปแบบรัฐเดี่ยว แต่เป็นรัฐเดี่ยวแบบรวมศูนย์อำนาจ  ในด้านการบริหาร ราชการแผ่นดิน บรูไนไม่มีการกระจายอำนาจทางการเมืองไปยังหน่วย การปกครองในระดับล่าง การบริหารราชการแผ่นดินจึงเป็นการสั่งการ ตามสายบังคับบัญชา หรือเป็นลำดับชั้นจากสุลต ่านและสมเด็จพระ ราชาธิบดีลงมาที่กระทรวง
        บรูไนจึงแยกโครงสร้าง การปกครองได้ดังนี้
1. เขตการปกครอง เป็นหน่วยงานการปกครองระดับล่างจากกระทรวงแบ่ง เป็น 4 เขตการปกครอง ประกอบด้วย เขตการปกครองบรูไน-มูอารา เบอไลต์  เต็มบูรงและตูตง
 2. เทศบาล  อยู่ในระดับชั้นเดียวกับเขตการปกครอง  เป็น หน่วยการปกครองท้องถิ่นที่เป็นเมืองหรือชุมชนเมืองการบริหารงานขึ้น ต่อกระทรวงมหาดไทย
3. ตำบล เป็นหน่วยการปกครองระดับล่างต่อจากเขตการปกครอง มีกำนันใน
4. หมู่บ้าน  เป็นหน่วยการปกครองระดับล่างสุด
     












     

สังคมและวัฒนธรรม


 ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม

                 สภาพสังคมของบรูไน ยังมีลักษณะพื้นฐานที่ยึดหลักครอบครัว ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างสงบเรียบง่ายศาสนาอิสลามมีบทบาทมาก ในการกําหนดพฤติกรรมทางสังคม สภาพการปกครองเป็นระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีการจัดระเบียบสังคมตามข้อบัญญัติของ ศาสนามุสลิมและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและภาษาที่ใช้กันในบรูไนมี ภาษามาเลย์อังกฤษ และจีน สำหรับชนพื้นเมืองมีภาษาเป็นของตนเอง ในโลกวัฒนธรรมบรูไนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตน เรียกว่า โลกมลายู



  • วัฒนธรรมบรูไนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย มากจึงการแต่งกายที่คล้ายคลึงกัน สุภาพบุรุษ จะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่า นุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่ง โสร่ง เรียกว่า บาจูมลายู(Baju Melayu) ส่วนชุดของสุภาพสตรีเรียกว่า   บาจูกุรุง (Baju Kurung) จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส โดย มากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าสะท้อน วัฒนธรรมและสังคมแบบอนุรักษ์นิยม



ระบบสาธารณูปโภค

 โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค

  • เนื่องจากประเทศบรูไนเป็นประเทศที่ร่ำรวย จึงมีการพัฒนาระบบ การขนส่งที่ดีชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวในประเทศบรูไนมีตัวเลือกใน การใช้บริการได้หลายทาง อันได้แก่ 

  • การคมนาคมทางบก ประเทศบรูไนมีทางหลวงสายหลักสายเดียวคือ Muara–Jerudong– Tutong มีความยาวประมาณ 1,712 กิโลเมตร การให้บริการรถเช่าใน ประเทศบรูไนมีราคาที่เหมาะสม รถเช่าเป็นบริการการขนส่งที่ดีที่สุดใน ประเทศบรูไน เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงสะดวกและสามารถใช้บริการได้ ตลอดเวลา

  • การคมนาคมทางอากาศ การขนส่งทางอากาศเชิงพาณิชย์ในบรูไนเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2496 (ค.ศ1953) และสร้างสนามบินใหม่ในเมือง Mukim Berakas และเปิด ใช้งานในปีพ.ศ.2517(ค.ศ.1974) ปัจจุบันประเทศบรูไนมีสายการบิน พาณิชย์คือ สายการบินรอยัลบรูไน ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติบรูไน ก่อตั้งเมื่อวันที่18 พฤศจิกายน พ.ศ.2517(ค.ศ.1974) โดยบริษัทเอกชน จะเป็นผู้ถือหุ้นเองทั้งหมด สายการบินรอยัลบรูไน มีเที่ยวบินตรงจากการคมนาคมทางอากาศ การขนส่งทางอากาศเชิงพาณิชย์ในบรูไนเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2496 (ค.ศ1953) และสร้างสนามบินใหม่ในเมือง Mukim Berakas และเปิด ใช้งานในปีพ.ศ.2517(ค.ศ.1974) ปัจจุบันประเทศบรูไนมีสายการบิน พาณิชย์คือ สายการบินรอยัลบรูไน ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติบรูไน ก่อตั้งเมื่อวันที่18 พฤศจิกายน พ.ศ.2517(ค.ศ.1974) โดยบริษัทเอกชน จะเป็นผู้ถือหุ้นเองทั้งหมด สายการบินรอยัลบรูไน มีเที่ยวบินตรงจาก



  • การคมนาคมทางน้ำ ประเทศบรูไนมีท่าเรือที่ขนถ่ายสินค้าอยู่ทั้งหมด6แห่ง โดยแบ่งเป็น ของภาครัฐ 3 แห่ง และภาคเอกชน 3 แห่ง ท่าเรือทั้ง 3 ท่าที่เป็นของ รัฐบาลบรูไน ได้แก่




    1.  ท่าเรือมัวรา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากเมืองหลวง 27 กิโลเมตร เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความลึก 10 เมตร กว้าง 611 เมตร สามารถนำเรือขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าได้ 
    2. ท่าเรือบันดาร์เสรีเบกาวัน เป็นท่าเรือเก่าแก่ ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 รับเฉพาะเรือที่มี ความยาวไม่เกิน 30 เมตร และมีความลึกไม่เกิน 5 เมตร
    3. ท่าเรือกัวลาบือเลต ตั้งอยู่ที่แม่น้ำบือเลต รับเฉพาะเรือที่มีความยาว 60 เมตร เพราะ ท่าเรือยาว61เมตรโดยมากเรือที่เข้าเทียบท่ามักจะเป็นเรือจากประเทศ เพื่อนบ้าน ส่วนท่าเรือเอกชนของบรูไนอีก3แห่ง ได้แก่ ท่าเรือซีเรีย ท่าเรือลูมูต และท่าเรือตันหยงลีรัง โดยท่าเรือเอกชนสองแห่งแรกมีบริษัทเชลล์บรูไน เป็นผู้ดูแล ใช้ในการขนส่งสินค้าประเภทแก๊สธรรมชาติและน้ำมัน ส่วนท่าเรือตันหยงลีรังเป็นท่าเรือเพื่อใช้ในการส่งออกไม้ซุง
  • ระบบไฟฟ้า หน่วยงานที่ดูแลกิจการไฟฟ้าของประเทศบรูไนชื่อว่าแผนกบริการ ไฟฟ้า (Department of Electrical Services-DES) เป็นหน่วยงานที่ อยู ่ภายใต้กระทรวงพลังงาน ดูแลตั้งแต ่ระบบผลิต ระบบส่ง ระบบ จำหน่ายจนถึงลูกค้า ในลักษณะคล้ายกับการไฟฟ้าโดยทั่วไปในอาเซียน ก่อตั้งมาแล้ว 92 ปีเริ่มต้นด้วยการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลขนาด 22กิโลวัตต์สำหรับการจ่ายไฟครั้งแรกและกระแสไฟฟ้าบรูไนในปัจจุบัน คือ 240 โวลต์ 


  • ระบบโทรคมนาคม ประเทศบรูไนมีฝ่ายดูแลงานด้านโทรคมนาคม(Telecoms) ที่รับ ผิดชอบทั้งระบบการทำงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในประเทศและระหว่าง ประเทศ ระบบโทรคมนาคมในที่นี้รวมถึงโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์ระหว่าง ประเทศ โทรสาร เทเล็กซ์ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เซลลูลาร์ เพจเจอร์ โทรเลข และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์บ้านทั้งหมดในประเทศ บรูไนใช้ระบบโทรศัพท์แบบดิจิตอล


สาธารณสุข

 ระบบสาธารณสุข 
                กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กำหนดนโยบายด้านการสาธารณสุขของ ประเทศบรูไน เพื่อที่จะบริการให้ทั่วถึงแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ไม่แบ่ง ชาติภาษา ศาสนา จึงมีนโยบาย “สุขภาพดีเพื่อทุกคน” (Health for All) โดยเน้นระบบการพัฒนาการตรวจรักษาสุขภาพให้เป็นไปตามความ ต้องการของประชาชนตามไปด้วย


           
                    ประเทศบรูไนนับว่าเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่ให้ความสำคัญกับ สวัสดิการด้านสุขภาพแก่
ประชาชน ชาวบรูไนสามารถเข้ารับการรักษา พยาบาลของรัฐได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนั้นยังมี
การจัดการการ แพทย์เคลื่อนที่ เพื่อรักษาพยาบาลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความ เจริญทุรกันดาร ที่สำคัญอีกอย่างคือในกองทัพบรูไนมีศูนย์พยาบาลเป็น หน่วยงานหนึ่งในกองทัพ และหากผู้ป่วยอยู่ในถิ่นทุรกันดารก็มีหน่วย แพทย์อากาศ การที่รัฐบาลบรูไนเอาใจใส่ดูแล สุขภาพของประชาชนอย่างดียิ่ง 

ระบบการศึกษา

 ระบบการศึกษา
              ระบบการศึกษาของประเทศบรูไน ดารุสซาลามไม่มีการศึกษา ภาคบังคับ แต่การศึกษาเป็นสากลและจัดให้ฟรีสำหรับประชาชนทั่วไป การศึกษาแบ่งออกเป็นระดับก่อนประถมศึกษา 1 ปีระดับประถมศึกษา 6 ปีระดับมัธยมศึกษา 7-8 ปีซึ่งแบ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2-3 ปีหรือในสายอาชีวะ อีก 2 ป และ ระดับเตรียมอุดมศึกษา 2 ปีและระดับมหาวิทยาลัย 3-4 ปีดังนี้
                   • ระดับก่อนประถมศึกษา เด็กทุกคนต้องเข้าศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษา 1 ปีเมื่ออายุ5 ปี หลังจากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษา
                   • ระดับประถมศึกษา การศึกษาระดับประถมศึกษาแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ ระดับ ประถมต้น 3 ปีและประถมปลาย 2-3 ปีหลังจากจบการศึกษาระดับ ประถมศึกษา 6 ปี นักเรียนจะต้องเข้ารับการทดสอบข้อสอบกลาง (PCE:  Primary CertificateofExamination) ซึ่งการศึกษาในระดับนี้มี จุดประสงค์เพื่อปูพื้นฐานด้านการเขียน การอ่าน และการคำนวณให้แก่ นักเรียน เพื่อจะได้นำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาตนเอง


                   • ระดับมัธยมศึกษา การศึกษาระดับมัธยมศึกษารวมใช้เวลา 7-8 ปี(มัธยมศึกษา 1-5และ เตรียมอุดมศึกษา 2 ปี)

         ○ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีระยะเวลา 3 ปีหลังมัธยมศึกษาตอนต้น แล้ว นักเรียนต้องทดสอบ BJCE (Brunei Junior Certificate of Education) จึงจะสามารถเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเลือก เรียนวิชาด้านช่างและเทคนิคพื้นฐานที่สถาบันการศึกษาทางเทคนิคและ อาชีวศึกษา

         ○ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระยะเวลา 2-3 ปีนักเรียนจะเลือกเรียนสายศิลป์สายวิทย์หรือสาย อาชีพ ตามแต่ผลการสอบ BJCE หลักจากเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายแล้ว (ระดับ 5) นักเรียนต้องสอบข้อสอบ Brunei-Cambridge General Certificateof Education:BCGCE“O” Level หรือสำเร็จ การศึกษาระดับ 6 นักเรียนต้องสอบข้อสอบ Brunei-Cambridge General CertificateofEducation:BCGCE“A”Levelแล้วจึงจะมีสิทธิ์ เรียนต่อระดับเตรียมอุดมศึกษา มีระยะเวลา 2 ปี

         ○ ระดับอาชีวะ รับเด็กนักเรียนมัธยมต้นที่สนใจด้านการศึกษาและการฝึกหัดด้าน อาชีวะและเทคนิค โดยมีกรมการศึกษาด้านเทคนิค (Department of TechnicalEducation-DTE) เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการจัดการศึกษาด้าน เทคนิคและอาชีวศึกษาและการฝึกอบรม(Technicaland Vocational Education and Training) และโปรแกรมเกี่ยวกับการศึกษาต่อ (Continuing Education-CE)


○ ระดับปริญญาตรี การศึกษาในระดับปริญญาตรีจะจัดให้แก่นักเรียนที่มีผลการศึกษา ดีมีศักยภาพในการศึกษาต่อได้หรือศึกษาในสาขาที่เป็นความต้องการ ของประเทศ ซึ่งมีทั้งมหาวิทยาลัย สถาบันอาชีวะ เทคนิคต่างๆ และ วิทยาลัยต่างๆ
                   • นโยบายและจุดเน้นด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการบรูไน ดารุสซาลาม ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2550-2555 และการจัดทำวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาของบรูไน ดารุสซาลาม พ.ศ. 2578 โดยได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างสังคมบนพื้น ฐานแห่งทักษะ และความรอบรู้ภายใต้ระบบการศึกษา “World Class EducationSystem” ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยให้การศึกษา เป็นหนึ่งใน 8ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ พร้อมทั้งได้ใช้เงินกองทุน พัฒนาในการลงทุนการศึกษาในอัตราร้อยละ 8.7 รวมทั้งการพัฒนา โครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
         
                    

ระบบกฎหมาย

           ระบบกฎหมายของประเทศบรูไนมีรากฐานมาจากระบบกฎหมาย จารีตประเพณีของประเทศอังกฤษ (English Common Laws) ระบบ การศาลของอังกฤษเป็นระบบอิสระมีอำนาจในการตัดสินคดีอย่างเต็มที่ แม้ว่าประเทศบรูไนได้รับเอกราชจากอังกฤษแล้วก็ตาม บรูไนยังคงใช้ ระบบกฎหมายของอังกฤษอยู่ แต่สำหรับชาวมุสลิมมีหลายกรณีที่ใช้ กฎหมายอิสลามแทน และไม่ยอมรับเขตอำนาจโดยบังคับของศาลยุติธรรมระหว่าง ประเทศ (ICJ)
           รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับระบบกฎหมาย ในขณะที่ประธานที่ปรึกษากฎหมายรัฐธรมนูญ และกฎหมายอื่นๆ ดำรงตำแหน่งประธานศาลสูงสุด
           อำนาจในการตัดสินคดี อยู่ที่ศาลสูงสุด คือ ศาลฎีกา ศาลชั้นกลางหรือศาลอุทธรณ์และศาลชั้น ต้นดังนี้ระบบบริหารราชการของเนการา บรูไน ดารุสซาลาม
          - ศาลชั้นต้น (Subordinate Court)ซึ่งประกอบด้วย
                  - ศาลแขวง (Magistrate Courts)
                       - ควบคุมโดยพระราชบัญญัติศาลชั้นต้น (Subordinate Courts Acts)
                       - พิจารณาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
                  - ศาลเยาวชน (Juvenile Courts)
                      - พิจารณาคดีใน 3 ประเภทใหญ่ๆ
                               - การกระทําความผิดอาญา โดย เยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปีเยาวชนซึ่ง
                                      - ไม่อยู่ในการดูแลของผู้ปกครอง
                                      - เยาวชนที่ต้องการการดูแลและคุ้มครองเป็นพิเศษ
          - ศาลชั้นกลาง (Intermediate Court)
                       - พิจารณาทั้งคดีแพ่งและ คดีอาญา
                               - คดีอาญาจะรับพิจารณาคดีอาญาที่ระวางโทษไม่เกิน 20 ปี
                       - ศาลชั้นกลางไม่มีอํานาจพิจารณาคดีที่มีโทษประหารชีวิต สําหรับคดี แพ่ง
                       - พิจารณาคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 300,000 ดอลล่าร์บูรไน
                               - คดีที่มีการร้องเรียกเงินในจำนวนเงินมากกว่า 15,000 ดอลลาร์บรูไน
                                       - ไม่เกิน 60,000 ดอลลาร์บรูไน
                       - ผู้พิพากษายังทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลจัดการ การเข้าสมัครเป็นทนายความ (Advocate)
                                  - ทนายให้คำปรึกษา (Solicitor)
                       - คําตัดสินที่ออกโดยศาลสามารถอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้
        - ศาลฎีกา (Supreme Court)
               - รับพิจารณาคดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
               - ไม่จำกัดขอบเขตอำนาจศาล
                       - ศาลสูง (High Court)
                             - ไม่มีบทลงโทษประหารชีวิต หรือจำคุกเกินกว่า 20 ปี
                       -ศาลอุทธรณ์ (Court of Appeal)
                             - เป็นศาลสูงสุดหรือศาลสุดท้ายของการตัดสินคดีทางอาญา




ความสัมพันธ์ไทยกับบรูไน

              ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไนเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527(ค.ศ.1984) ซึ่งทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะในระดับราชวงศ์มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับราชวงศ์ผู้นำระดับสูง ของรัฐบาล และผู้นำระดับสูงของกองทัพอยู่เสมอ
               ทั้งสองประเทศยังมี ทัศนคติที่ดีต่อกัน ไม่เคยมีความบาดหมางทางประวัติศาสตร์และเป็น พันธมิตรในเรื่องต่างๆ มีการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง ทั้งสองประเทศในด้านต่างๆ
                 - การทหาร
                 - การค้า
                 - การลงทุน
                          - การประมง
                          - แรงงาน
                          - การท่องเที่ยว
                 - วัฒนธรรม
               โดยไทยประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้บรูไนให้ความสำคัญกับการลงทุนในอุตสาหกรรม อาหารฮาลาล และร่วมมือกันจัดตั้งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2546 มีการจัดตั้งกองทุนร่วม (Matching Fund) “กองทุนไทยทวีทุน” ระหว่าง Brunei Investment Agency กับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ มีบริษัทไทยที่ลงทุนในบรูไน คือ บริษัท Brunei Construction ซึ่ง เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ถือหุ้นระหว่างชาวไทยกับชาวบรูไนตาม กฎหมายบรูไนที่กำหนดการทำกิจการต่างๆ จะต้องมีชาวบรูไนเป็นหุ้น ส่วนอยู่ด้วยสำหรับธุรกิจไทยในบรูไน ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของร้าน อาหาร ร้านตัดเสื้อ และอู่ซ่อมรถ ระบบบริหารราชการของเนการา บรูไน ดารุสซาลาม
              ปัจจุบันมีแรงงานไทยในบรูไนมีประมาณ 8,000 คน (พ.ศ. 2550) โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ทำงานในกิจการก่อสร้างอุตสาหกรรม ตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก นอกนั้นทำงานในภาคธุรกิจ บริการ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร การตกแต่งดูแลสวน ช่างซ่อม และงานในภาคเกษตรกรรมแรงงานไทยส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับอย่าง ดีจากนักธุรกิจในบรูไน เพราะมีความซื่อสัตย์อดทน ขยัน หมั่นเพียร และมีความรับผิดชอบ แม้จะด้อยในเรื่องภาษา อย่างไรก็ดียังมีปัญหาอยู่ บ้าง โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างอาทิ อัตราค่าจ้างที่ไม่สอดคล้องกับความสามารถในการทำงาน และการขาด ความรู้และความเข้าใจต่อกฎระเบียบข้อบังคับของสัญญาจ้าง